ผียิง120+1แซงดับหงส์4-3เข้าตัดเอฟเอ
อาหมัด ดิยัลโล่ กลายเป็นฮีโร่ทำประตูชัยในนาทีที่ 120+1 ให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะ ลิเวอร์พูล แบบสุดมัน 4-3 ผ่านเข้ารอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ
เล่นมาได้แค่ 4 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด เกือบนำ เมื่อบอลจาก อเลฮานโดร การ์นาโช่ ขวางเขตโทษมาถึงทางซ้ายให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด วางเท้าปั่นด้วยขวาทันที ลูกจะเสียบเสาไกลอยู่แล้ว แต่ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ยังพุ่งปัดไว้ได้
นาทีที่ 9 ลิเวอร์พูล มีโอกาสทองเหมือนกัน ดาร์วิน นูนเญซ เปิดจากฝั่งขวามาเสาไกลให้ โม ซาลาห์ ได้กระโดดวอลเลย์ด้วยเท้าซ้าย บอลผ่านหน้าปากประตูหลุดเสาไกลนิดเดียว
แต่แล้ว ผีแดง ก็มานำ 1-0 ในนาทีที่ 10 แรชฟอร์ด ไหลให้ การ์นาโช่ หลุดเข้าเขตโทษด้านซ้ายแล้วเอี้ยวตัวยิงด้วยเท้าขวา เคลเลเฮอร์ เซฟได้ แต่บอลไม่ไปไหนลอยอยู่หน้าประตู และเป็น สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ ที่แหย่เท้าซ้ำระยะเผาขนตุงตาข่าย
หงส์แดง เกือบได้คืนในนาทีที่ 14 หลุยส์ ดิอาซ กระชากไปทางซ้ายแล้วตบคืนกลับมาให้ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน วิ่งมาตวัดยิงด้วยเท้าซ้ายทันที แต่บอลข้ามคานออกไป
ยูไนเต็ด ยังทำเกมรุกดุดันกว่า นาทีที่ 35 น่าหนีห่างเหลือเกิน เมื่อ แรชฟอร์ด กระชากเข้าเขตโทษด้านซ้ายแล้วหักกลับมาให้ แม็คโทมิเนย์ ได้ยิงแบบเน้นๆ แล้ว แต่ดันซัดไปใส่ตัว เคลเลเฮอร์ จึงถูกเซฟไว้ได้
และจังหวะสวนกลับมา ลิเวอร์พูล ก็เกือบตีเสมอได้ หลุยส์ ดิอาซ ให้ความสามารถเฉพาะตัวลากเข้าเขตโทษด้านซ้ายแล้วล็อกตัดมายิงด้วยขวายัดเสาแรก แต่ อ็องเดร โอนาน่า ก็พุ่งปัดทิ้งได้
นาทีที่ 44 หงส์แดง มาตีเสมอ 1-1 เมื่อ จาเรลล์ ควอนซาห์ โชว์ความเร็วกระชากหนี แรชฟอร์ด มาถึงมุมเขตโทษด้านขวาแล้วเปิดเรียดเข้ากลาง บอลย้อนหลัง นูนเญซ เลยแปะย้อนมาที่ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ จับก่อนตะบันด้วยขวาแฉลบปลายเท้า ค็อบบี้ ไมนู ผ่านมือ โอนาน่า เบียดเสาเข้าประตูไป
ไม่แค่นั้น ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 45+2 ลิเวอร์พูล มาแซงนำ 2-1 เมื่อ โจ โกเมซ ไปฉกบอลจาก บรูโน่ แฟร์นันด์ส ตรงกราบขวาแล้วพามาเปิดเข้ากลางถูกโหม่งสกัดออกมา ดิอาซ เก็บได้แล้วไหลเข้าเขตโทษด้านซ้ายให้ นูนเญซ ล็อกก่อนปั่นด้วยขวา โอนาน่า บินปัดได้ แต่มาเข้าทาง โม ซาลาห์ พักไว้แล้วใส่เน้นๆ ด้วยขวาเบียดเสาเข้าประตูไป
ครึ่งหลัง ทั้งสองทีมก็ยังเปิดหน้าแลกกันเหมือนเดิม นาทีที่ 56 เป็นโอกาสหนีห่างของ ลิเวอร์พูล โดมินิก โซบอสไล ได้ยิงไกล แต่ โอนาน่า ก็ยังพุ่งปัดออกหลังไปได้
นาทีที่ 63 เป็นโอกาสของ หงส์แดง อีกครั้ง แม็ค อัลลิสเตอร์ จ่ายให้ นูนเญซ แตะหนี วาราน ในเขตโทษด้านขวาแล้วยิงเอาแรงเข้าว่ายัดเสาแรก แต่ โอนาน่า ก็ยังซูเปอร์เซฟได้
ผีแดง นานๆ ทีจะได้บุกขึ้นมาบ้าง นาทีที่ 73 อันโตนี่ ตัวสำรองได้สัมผัสบอลครั้งแรก แตะยิงด้วยซ้ายตรงหน้าเขตโทษ แต่บอลก็ไม่ได้อันตรายและไม่ตรงกรอบ
แม้ หงส์แดง จะมีโอกาสปิดเกมหลายครั้ง แต่ก็ทำไม่ได้ และนาทีที่ 87 กลับมาโดน ยูไนเต็ด ตีเสมอ 2-2 การ์นาโช่ ลากเข้าเขตโทษด้านซ้ายแล้วล้มตัวยิงไปติดบล็อค แฉลบมาเข้าทาง อันโตนี่ ที่ยืนหันหลังให้ประตูอยู่ แต่ก็ยังพลิกมายิงด้วยขวาผ่านตัวประกบ ลิเวอร์พูล เสียบมุมตุงตาข่าย
ช่วงทดเจ็บนาทีที่ 90+4 ยูไนเต็ด น่าได้ลูกน็อคเหลือเกิน เมื่อ คริสเตียน เอริคเซ่น ชิพบอลให้ แรชฟอร์ด ได้หลุดเดี่ยวไปเกี่ยวลงแล้วเอี้ยวตัวยิงตามสูตรแล้ว ทว่ากลับยิงหลุดเสาออกไปเองแบบเหลือเชื่อ
ช่วงต่อเวลาพิเศษ ก็ยังเป็น ผีแดง ที่เหมือนได้ใจอยู่ นาทีที่ 92 อันโตนี่ ได้เหลี่ยมยิงด้วยซ้ายหน้าเขตโทษ บอลข้ามคานไปนิดเดียว
นาทีที่ 101 เป็นโอกาสทองของ ยูไนเต็ด อีกครั้ง การ์นาโช่ โชว์ทักษะตอกส้นให้ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ได้ก้าวเท้ามากดด้วยซ้ายเต็มแรงในเขตโทษด้านซ้าย แต่บอลไปเข้าตาข่ายด้านข้าง
ทว่านาทีที่ 105 ลิเวอร์พูล ที่แทบไม่ได้บุกเลยมาได้ประตูนำ 3-2 เฉย เมื่อ คอเนอร์ แบรดลี่ย์ ลุยตัดมาจากกราบขวาแล้วไหลให้ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ จับก่อนตั้งป้อมกดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษ บอลไปแฉลบ เอริคเซ่น ทำให้หนีมือ โอนาน่า เสียบเสาเข้าไปเลย
นาทีที่ 105+1 ผีแดง เกือบเอาคืนเร็ว การ์นาโช่ สะกิดบอลให้ แรชฟอร์ด หลุดไปกึ่งยิงกึ่งผ่านด้วยซ้ายในเขตโทษด้านซ้าย แต่บอลผ่านหน้าปากประตูออกไป
นาทีที่ 112 แมนฯ ยูไนเต็ด มาตีเสมอ 3-3 จากการจ่ายพลาดของ นูนเญซ แม็คโทมิเนย์ ตัดได้กลางทางแล้วไหลให้ แรชฟอร์ด ยิงเร็วเข้าประตูไป
นาทีที่ 120+1 กลายเป็น ผีแดง ที่มาแซงนำ 4-3 ท้ังที่ ลิเวอร์พูล ได้ลูกเตะมุม แต่ เอลเลียตต์ ทำเสียบอล การ์นาโช่ ลากจี้ขึ้นมาตีคู่กับ อาหมัด ดิยัลโล่ ดวลกับ แบรดลี่ย์ แค่คนเดียว ก่อนจะไหลให้ ดิยัลโล่ แตะแล้วยิงด้วยซ้ายเข้าประตูไป และเจ้าตัวที่ติดใบเหลืองดันไปถอดเสื้อดีใจเลยโดนอีกเหลือเป็นใบแดงไล่ออกไป
จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด เอาชนะ ลิเวอร์พูล แบบสุดมัน 4-3 ผ่านเข้ารอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ แบบสะใจ
แมนฯ ยูไนเต็ด : อ็องเดร โอนาน่า – อารอน วาน-บิสซาก้า, ราฟาแอล วาราน, วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ, ดีโอโก้ ดาโล่ต์ – ค็อบบี้ ไมนู, สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ – อเลฮานโดร การ์นาโช่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, มาร์คัส แรชฟอร์ด – ราสมุส ฮอยลุนด์
ลิเวอร์พูล : ควีวิน เคลเลเฮอร์ – โจ โกเมซ, จาเรลล์ ควอนซาห์, เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน – โดมินิก โซบอสไล, วาตารุ เอ็นโด, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ – โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ดาร์วิน นูนเญซ, หลุยส์ ดิอาซ
{{val.time_create * 1000 | date : ‘dd/MM/yyyy HH:mm:ss’}} น.
แก้ไขเมื่อ {{val.time_update * 1000 | date : ‘dd/MM/yyyy HH:mm:ss’}} น.
Quote
{{v.time_create * 1000 | date : ‘dd/MM/yyyy HH:mm น.’}}
แก้ไขเมื่อ {{v.time_update * 1000 | date : ‘dd/MM/yyyy HH:mm น.’}}
Quote
0 && !val.replys” ng-click=”content.event.get_reply(val);”>
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})
ต้า มั่นใจลูกเก๋าวิลเชียร์ไปได้สวยโค้ชชุดใหญ่ วันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2567
เทนฮากนับถือ มู แต่ไม่ซูเอี๋ยให้กันฟลอร์หญ้า วันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2567
เมรีโน่ยอมรับปืนเคี่ยวหนักเรื่องเซตพีซ วันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2567
เอเมรี่เร้าวิลล่ากล้าฝันแชมป์รูปธรรม วันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2567
ยอร์เกนเซ่นฟื้นคอนคัสชั่นคืนสิงห์ยูโรปาคอนฯ วันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2567
บอร์ดค้อนยังวางใจจูเลนแม้ออกตัวบู่ วันอังคารที่ 22 ตุลาคม 2567